ลืมรหัสผ่าน
 ลงทะเบียน: New Member

Sign in with facebook

Connect with friends.

ค้นหา
ดู: 3066|ตอบกลับ: 3

ล้วงหัวใจ วายร้ายนกกระจอก - Sparrow (2008)

[คัดลอกลิงก์]

ล้วงหัวใจ วายร้ายนกกระจอก - Sparrow (2008)

[คัดลอกลิงก์]
eastboy

กระทู้

0

ตอบกลับ

41

เครดิต

480P

  • Credit:
  • Stang:
  • ลงทะเบียน: 2-3-2010
  • ล่าสุด: 1-1-1970
  • ออนไลน์: ชั่วโมง
14-5-2011 17:12:13 | ดูโพสต์ทั้งหมด |โหมดอ่าน
* ss imageshack log in ก่อน
register free at http://www.imageshack.us/
===================================







Spawwor แปลว่า นกกระจอก หรือภาษากวางตุ้งเรียกว่า หมั่นเจิ๊ก
เป็นศัพท์แสลงหมายถึงพวกโจรล้วงกระเป๋า หนึ่งในมัจฉาชีพที่พบได้ทั่วไปในเกาะฮ่องกง

SPARROW  จอมใจจอมโจร
โดย ธีปนันท์ เพ็ชร์ศรี 6 พฤศจิกายน 2551 13:35 น.

ยุคทองของหนังฮ่องกงได้ล่วงเลยไปกว่า 10 ปีแล้ว มันผ่านช่วงตกต่ำอย่างถึงที่สุด อาจจะกระเตื้องขึ้นบ้างในระยะ 4-5 ปีให้หลังมานี้ แต่ก็ไม่สามารถพุ่งสูงเท่ากับที่เคยเป็นในปลายยุค 70 – ต้น 90 ได้อีกเลย


      จอห์นนี่ ตู้ หรือ ตู้ฉีฟง (หรืออาจจะอ่านชื่อตามภาษากวางตุ้งได้ว่า ตู้เข่ยฟง) ท้าทายภาวะซบเซาของอุตสาหกรรมหนังฮ่องกงในช่วงปี 1996 ด้วยการเปิดบริษัทสร้างหนังของตัวเองและเพื่อนๆ ในชื่อ มิลกี้เวย์ อิมเมจ ในขณะที่คนทำหนังชื่อดังหลายๆ คน อย่าง จอห์น วู หรือ ฉีเคอะ ตระเตรียมแผนสำรองให้กับชีวิตด้วยการไปทำหนังในฮอลลีวู้ด
      
        ในปีที่คนฮ่องกงยังไม่ทราบชะตากรรมที่แน่ชัดของตัวเองว่าจะเป็นอย่างไรภายใต้การปกครองของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ตู้ฉีฟงยืนยันจะทำหนังอยู่ที่เดิม ด้วยเงื่อนไขที่ท้าทายตัวเองกว่าเดิม


      ผู้กำกับวัย 53 ปีคนนี้โด่งดังมาจากการกำกับหนังเรื่อง All About Ah-Long (อาหลาง, 1989) และ The Heroic Trio (สวยประหาร, 1993) รวมถึงการโปรดิวซ์หนังฮิตที่ทุกคนน่าจะรู้จักกันอย่าง A Moment of Romance (ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ, 1990)
      
        ช่วงปี 1998 – 1999 ตู้ฉีฟง ทำหนังรวดเดียว 4 เรื่อง ได้แก่ A Hero Never Dies, The Mission, Running out of Time, Where a Good Man Goes – ทั้งหมดนั้นเป็นหนังที่ลงทุนสูง และเต็มไปด้วยความทะเยอะทะยาน
      
        ในฐานะที่ไม่ใช่แฟนของตู้ฉีฟง หนังเรื่อง PTU (ออกฉายในปี 2003) ของเขา ทำให้ผมประหลาดใจอย่างมาก มันเป็นงานที่อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนในการทำงานของเขาอยู่กลายๆ นอกเหนือจากการให้ความสำคัญกับเนื้อหาและความสมจริง ภาษาหนังและจังหวะจะโคนต่างๆ ก็สุกงอมได้ที่ ไม่มีอาการประดักประเดิดให้เห็นเหมือนงานชิ้นก่อนๆ
      
        ชั้นเชิงที่ตกผลึกยังผลให้หนังแอ๊กชั่นชิ้นถัดๆ มาอย่าง Breaking News (2004), Throw Down (2004), Election (2005), Exiled (2006) กลายเป็นงานที่น่าพึงพอใจทั้งหมด นั่นยังครอบคลุมถึงหนังขายๆ ที่เขาทำร่วมกับ ไหว่กาไฟ (กำลังหลักอีกคนของมิลกี้เวย์ฯ) อย่าง My Left Eye Sees Ghosts (2002) หรือ Mad Detective (2007) ด้วย
      
        ผลจากการทำงานอย่างหนัก นอกเหนือจากการช่วยพยุงอุตสาหกรรมภาพยนตร์ภายในประเทศ (ได้ในระดับหนึ่ง) แล้ว เขายังได้รับการพูดถึงอย่างกว้างขวางในระดับนานาชาติ, Throw Down เคยไปฉายที่เทศกาลหนังเมืองเวนิซ, Election ได้เข้าไปฉายในสายประกวดของเมืองคานส์ โดยเฉพาะเรื่องหลังนี้ เควนติน ตารันติโน่ ชื่นชมอย่างออกหน้าออกตา โดยยกย่องว่า มันเป็นหนังที่ดีที่สุดในปี 2005
      
        
เจ้าของ
eastboy เจ้าของ

กระทู้

0

ตอบกลับ

41

เครดิต

480P

  • Credit:
  • Stang:
  • ลงทะเบียน: 2-3-2010
  • ล่าสุด: 1-1-1970
  • ออนไลน์: ชั่วโมง
14-5-2011 17:12:31 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Sparrow ออกฉายเมื่อต้นปีที่ผ่านมา หลังจากได้รับเลือกให้เข้าสายประกวดในเทศกาลหนังเมืองเบอร์ลิน แน่นอน มันเป็นหนังคุณภาพเยี่ยมตามแบบฉบับของตู้ฉีฟงแท้ๆ และเป็นงานแก้ตัวที่ได้ผล หลังจากที่โดนนักวิจารณ์สับเละกับ Linger หนังรักฟอร์มดีที่นำแสดงโดย วิค โจว (F4) ซึ่งออกฉายในปีเดียวกัน
      
        ไม่มีใครคิดว่า Sparrow จะเป็นงานที่ดีได้เลย เนื่องจากหนังถ่ายๆ หยุดๆ อยู่เป็นเวลาถึง 3 ปี ตู้ฉีฟงทำหนังเรื่องนี้หลังจากถ่าย Election เสร็จ แต่ก็มีเหตุให้ไปทำหนังเรื่องอื่นๆ ก่อนตลอดเวลา เขาให้สัมภาษณ์ว่า “ผมทำหนังเรื่องนี้อย่างมีความสุข และไร้แรงกดดัน เมื่อผมกับทีมเขียนบทคิดอะไรใหม่ๆ ได้ เราก็จะถ่ายมันทันที ก่อนจะหยุดยาวไป แล้วเมื่อคิดอะไรได้ก็ถ่ายต่อไปเรื่อยๆ ผมเดาว่า หากผมไม่ได้รับคำเชิญจากเบอร์ลิน ผมก็ยังถ่ายหนังเรื่องนี้ไม่เสร็จ”
      
        แต่นั่นกลับกลายเป็นข้อดีของมันอย่างคาดไม่ถึง เพราะทำให้มันเป็นหนังที่ผ่อนคลายมากที่สุดของเขา อีกทั้งยังไหลลื่น สดใสและรื่นรมย์อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน


      บรรยากาศของ Sparrow ก็คล้ายกับหนังเรื่องก่อนๆ ของเขา มันเกี่ยวพันกับอาชญากรรม เกมแมวไล่จับหนู มิตรภาพระหว่างลูกผู้ชาย นางเอกเสน่ห์ล้น และการคลี่คลายที่เรียกร้องความสนใจจากผู้ชม แต่ความตึงเครียดจะมีน้อยกว่า เพราะมันวางตัวเองไว้เป็นหนังตลก
      
        เยิ่นต๊ะหัว รับบทนำเป็น อาเข่ย พี่ใหญ่ของแก๊งฉกทรัพย์กระจอกๆ แก๊งหนึ่ง ที่ประกอบไปด้วย อาโป้ น้องชายที่ชอบกวนประสาท (หลั่มกาตง), อาซัก (เหลาอิ่งเชง) ชายร่างเตี้ยหน้าตาขี้เหร่ และ อาหมัก (เคนเนธ เฉิง) หนุ่มผู้เงียบขรึม – แม้จะเป็นโจรกระจอกๆ แต่คุณความดีที่พวกเขามีอยู่บ้างคือ มีน้ำจิตน้ำใจช่วยเหลือคนยาก ถือมิตรภาพเป็นเรื่องสำคัญ และก็ไม่เคยคิดทำร้ายใคร
      
        วันดีคืนดี มีหญิงลึกลับหน้าตาเย้ายวนนางหนึ่ง (เคลลี่ หลิน) ปรากฏตัวขึ้นให้ทุกคนเห็นในต่างกรรมต่างวาระกัน และทั้ง 4 ก็หมายมั่นว่าจะพิชิตใจสาวเจ้าให้ได้ ก่อนที่จะพบว่า เธอเป็นนางนกต่อที่จะนำพวกเขาไปสู่เกมการฉกทรัพย์ที่ซับซ้อนที่สุดที่พวกเขาเคยเจอ
      
อุปสรรคหนึ่งที่นักดูหนังอาจจะต้องกระโดดให้ผ่านก่อนจะเพลิดเพลินกับหนังของตู้ฉีฟงได้ก็คือ องค์ประกอบหลายๆ อย่างในหนังของเขา ล้วนหาไม่ได้ในโลกของความเป็นจริง โลกที่หัวขโมยดำรงชีวิตอยู่อย่างเปรมอุรานั้น ห่างไกลจากการรับรู้ของคนทั่วไปพอสมควร
      
        ยังรวมถึงศิลปะการฉกทรัพย์ (และการใช้มีดโกนกรีดกระเป๋า) อันแสนอัศจรรย์นั้น ก็เป็นเพียงแฟนตาซีของผู้ชายเหมือนที่เราได้เห็นกันจนชินตาในหนังแก๊งสเตอร์จากฮ่องกง (ตู้ฉีฟงเล่าว่า เขาพยายามทำ Sparrow โดยไม่ให้มีปืนและเลือดอยู่ในฉากเลย เพื่อให้มันแตกต่างจากหนังแอ๊กชั่นพิมพ์นิยม)
      
      Sparrow เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความพร้อมของ มิลกี้เวย์ อิมเมจ อย่างแท้จริง ตั้งแต่ทีมเขียนบท การถ่ายภาพ การตัดต่อ ดนตรีประกอบ การแสดง และแน่นอน ทั้งหมดถูกควบคุมอย่างมีสีสันโดยตู้ฉีฟง
      
        ฉากไคลแม็กซ์ของเรื่องยาวประมาณ 20 นาที และถ่ายภาพแบบไฮสปีดทั้งหมด (ภาพออกมาเป็นสโลวโมชั่น ที่ทุกอย่างเคลื่อนที่อย่างแช่มช้า) ทีมออกแบบงานสร้าง ดีไซน์โทนของฉากให้เป็นสีมืดทึม ในคืนฝนตกที่มีคนถือร่มเดินขวักไขว่
      
        ดนตรีประกอบของ เฟรด อาฟริล และ ซาวิเยร์ ฌาโมซ์ ทำการคารวะหนังของ ฌากส์ เดอมี เรื่อง The Umbrellas of Cherbourg ด้วยงานดนตรีแจ๊ซเย็นๆ แบบ มิเชล เลอกรองด์ รับกับภาพการเยื้องย่างของร่มสีดำนับสิบคัน
      
        ฉากที่ว่านี้นอกจากจะเป็นฉากแอ๊กชั่นที่ดูสนุก และกระตุ้นเร้าความสนใจจากคนดูได้สมบูรณ์แบบแล้ว มันยังเป็นฉากที่งดงาม สร้างสรรค์อย่างที่ผู้ชมต้องจำไปอีกนาน หนำซ้ำมันยังถูกนำเสนอออกมาอย่างมีรสนิยมเสียด้วย         
เจ้าของ
eastboy เจ้าของ

กระทู้

0

ตอบกลับ

41

เครดิต

480P

  • Credit:
  • Stang:
  • ลงทะเบียน: 2-3-2010
  • ล่าสุด: 1-1-1970
  • ออนไลน์: ชั่วโมง
14-5-2011 17:13:08 | ดูโพสต์ทั้งหมด
รีวิว
Sparrow กระจอกน้อยนิดแต่อิสระเสรี
by รักพงษ์

ในบรรดาผู้กำกับภาพยนตร์ฮ่องกงรุ่นปัจจุบันต้องนับว่าจอห์นนี่ โถ (Johnnie To) หรือตู้ฉีฟงคือหนึ่งในผู้กำกับที่มีความโดดเด่นคนหนึ่งในสไตล์ภาพยนตร์ที่มุ่งเน้นเรื่องราวของอาชญกรรมในมุมมองและพล็อตเรื่องที่แตกต่างจากภาพยนตร์ฮ่องกงแนวนี้ในอดีต จนทำให้ภาพยนตร์ของตู้ฉีฟงถูกยอมรับว่าเป็นภาพยนตร์เชิงพาณิชย์ศิลป์ที่ดีเยี่ยมในหลายๆเรื่อง โดยเฉพาะการนำเสนอมุมที่มืดของเหล่าอาชญากรที่เข้าถึงมิติมากกว่าการเป็นภาพยนตร์แอคชั่นทัวไป อย่างไรก็ตามหนังของตู้ฉีฟงก็ไม่ได้ฉายแต่ด้านมืดของตัวละครเพียงอย่างเดียว แม้จะเป็นอาชญากรแต่ก็สะท้อนมุมสว่างบางครั้งไปพร้อมๆกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคุณธรรมน้ำมิตรหรือจรรยาบรรณของนักเลง ดังนั้นเราจึงเห็นการตัวละครในโลกอาชญากรรมที่มีด้านดีอยู่บ่อยๆในผลงานของตู้ฉีฟง ในขณะเดียวกันก็มักเห็นการดวลแบบแฟร์ๆระหว่างอาชญกรที่ไม่เอาเปรียบซึ่งกันและกันเหมือนจะบอกเป็นนัยๆว่าโลกอาชญากรก็มีจรรยาบรรณหรือหลักการบางอย่างเช่นกันไม่ได้มั่วเหมือนโจรห้าร้อยที่อ้างว่าตกใจก็เผาบ้านเผาเมือง เหมือนโลกอื่นๆอีกที่มีการผสมปนเปไประหว่างขาวกับดำไม่มีประเภทดีสุดขั้วหรือชั่วสุดโต่งเหมือนภาพยนตร์แอ็คชั่นของฮ่องกงทั่วๆไป

Sparrow ภาพยนตร์ปี 2008 ของตู้ฉีฟงที่ใช้เวลาถ่ายทำและเตรียมการสร้างกว่า 3 ปีกลายเป็นภาพยนตร์ที่แตกต่างในบรรดาของตู้ฉีฟงเรื่องอื่นๆ เนื่องจากกลายเป็นภาพยนตร์ที่มีบรรยากาศบางเบาเหมือนล่องลอยในอากาศไม่ต่างจากชื่อเรื่อง ในขณะที่เรื่องอื่นๆมีโทนของความเครียด กดดันอยู่ในระดับปานกลางจนถึงหนัก แต่ Sparrow ก็ได้รับคำชมจากนักวิจารณ์และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลจากหลายสถาบันเช่นกัน รวมถึงการไปฉายในเทศกาลภาพยนตร์สำคัญๆ วัตถุประสงค์หนึ่งที่ตู้ฉีฟงวางไว้สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือการเก็บความทรงจำเรื่องราวของฮ่องกงในอดีตผ่านตึกรามบ้านช่อง อาคารเก่าต่างๆ ที่เป็นวัฒนธรรมผสมผสานระหว่างตะวันตกที่ปกครองฮ่องกงมาเปนเวลานานโดยอังกฤษ ก่อนที่จะถูกกลืนไปกับกระแสของจีนสมัยใหม่ที่ปกครองโดยจีนแผ่นดินใหญ่ในอนาคต
เจ้าของ
eastboy เจ้าของ

กระทู้

0

ตอบกลับ

41

เครดิต

480P

  • Credit:
  • Stang:
  • ลงทะเบียน: 2-3-2010
  • ล่าสุด: 1-1-1970
  • ออนไลน์: ชั่วโมง
14-5-2011 17:13:24 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ไค่(เยินต๊ะหัว)หัวหน้าแก๊งค์ล้วงกระเป๋า(ที่มีศัพท์แสลงในฮ่องกงว่านกกระจอกตามลักษณะของนกประเภทนี้ที่น่ารำคาญและหากินแกะตามท้องถนน) ก่อนออกจากบ้านวันหนึ่งได้พบกับนกกระจอกบินเขามาในห้องนอน ซึ่งเขามองว่าเป็น “โชคดี” แต่เมื่อก่อนลงมือทำงานได้พูดคุยกับบรดาสมาชิกในแก๊งค์อีก 3 คน ทุกคนต่างบอกว่ามันเป็น “โชคร้าย” มากกว่า ไค่ยังใช้ชีวิตเหมือนปกติคือหลังจากปฏิบัติการล้วงกระเป๋ากันเป็นทีมเสร็จ เขาจะแยกย้ายขี่จักรยานพร้อมกับกล้องถ่ายรูปรุ่นเก่าไปถ่ายภาพตึกเก่าๆของฮ่องกง แต่สิ่งที่แตกต่างจากทุกวันก็คือวันนี้เขาพบสาวสวยโผล่มาในกล้องของเขาและท่าทางประหลาด ทำให้เขาเกิดความสงสัยบวกกับความสนใจในตัวเธอทำให้ไค่ติดตามเธอไปก่อนที่จะหายไป และบางทีนกกระจอกที่เขาพบเจอตอนเช้าอาจจะหมายถึงหญิงสาวคนนี้ก็ได้ เรื่องราวต่อไปอาจจะเป็นทั้งโชคร้ายและโชคดีที่ตามมาเมื่อหญิงสาวคนนี้แท้จริงก็คือภรรยาของเศรษฐีที่ทรงอิทธิพลคนหนึ่งที่ดูแลเธอเหมือนนกในกรงทอง ขณะเดียวกันเธอก็ต้องการที่จะโบยบินออกจากกรงทองนั้นเพื่อความเป็นอิสระของเธอเองในการเลือกคนรัก

ในภาพยนตร์ของตู้ฉีฟงหลายๆเรื่องดาราที่เขามักจะเลือกมาเล่นก็คือเยิ่นต๊ะหัว เพราะผลงานที่ผ่านมาที่เยิ่นต๊ะหัวรับบทบาทที่ค่อนข้างหลากหลายทั้งดีและร้ายได้อย่างสมบทบาท ดังนั้นจึงไม่แปลกที่งานที่ต้องการภาพลักษณ์ของเป็นได้ทั้งขาวและดำในเวลาเดียวกันจึงลงตัวที่เยิ่นต๊ะหัวนี่เอง และสิ่งที่ตู้ฉีฟงใส่ลงไปใน Sparrow ก็คือสัญลักษณ์ต่างๆตั้งแต่การขี่จักรยายถ่ายรูปตึกเก่าๆที่ผสมผสานงานแบบยุโรปที่จะเลือกหายไปในอีกไม่นาน แก๊งค์ล้วงกระเป๋าที่เป็นหนึ่งในอาชญากรรมชุกชุมในยุคหนึ่ง หรือแม้แต่เศรษฐีที่มีเส้นทางเดินมาจากอาชญากรก็สะท้อนความเป็นภาพเมืองฮ่องกงในอดีตแม้จะเป็นมุมมืดแต่ก็เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ ในขณะเดียวกันหญิงสาวที่รับบทโดยหลินซีเหลย หรือ Kelly Lin ที่อยู่ในกรงทองแต่ต้องการที่หลบหนีก็บ่งบอกถึงความเป็นฮ่องกงนั่นเอง สาวงามที่เคยสุขสบายแต่ก็ถูกจำกัดภายใต้กรงทองที่อาจจะเป็นได้ทั้งจีนแผ่นดินใหญ่ที่กำลังครอบคลุมฮ่องกงหรืออังกฤษเดิมเองก็ได้ เมื่อมีโอกาสมาถึงเธอก็เลือกที่จะมีอิสระเสรีแม้จะเป้นเพียงนกกระจอกน้อยก็ตาม และผู้ชมก็ต้องตีความเองว่าใครคืออังกฤษ ใครคือจีนแผ่นดินใหญ่  และนั่นก็คือสิ่งที่ต้องติดตามว่าท้ายสุดเธออยากจะเลือกใคร ฉากที่ดีที่สุดของเรื่องก็คือฉากการดวลของแก๊งค์ล้วงกระเป๋าในตอนจบที่ตู้ฉีฟงเลือกที่จะใช้การข้ามถนน ฝนตกในค่ำคืน กลางร่มหลบฝนในขณะเดียวกันก็เดินสวนกันบนทางม้าลาย ซึ่งตู้ฉีฟงเลือกที่จะใช้ร่มและฝนที่เหมือนกับเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของประเทศอังกฤษที่เคยปกครองฮ่องกงมายาวนานและก็ไม่ต่างจากภาพคลาสสิคที่พบเห็นเรื่อง Singin’ in the Rain ในขณะเดียวกันบทสรุปของเรื่องก็ไม่ต่างจากฉากจบของลี้คิมฮวงที่ดวลกับเซี่ยงกัวกิมฮ้งในงานอมตะคลาสสิคของ “โกวเล้ง” (บังเอิญงานเขียนของโกวเล้งก็เป็นการผสมผสานของตะวันออกและตะวันตกเช่นกัน) เมื่อลี้คิมฮวงเดินออกจากประตูมาและถูกถามว่าเหตุใดถึงชนะคนที่เก่งกว่าอย่างเซี่ยงกัวกิมฮ้งได้ คำตอบของเจ้าแห่งมีดบินก็คือ “เพียงเพราะมันประมาทอยากลองว่ามีดบินข้าเร็วจริงหรือไม่” และ Sparrow ก็คืองานที่แกต่างออกไปของตู้ฉีฟงที่กำลังสื่อความหมายให้โลกรู้ว่าฮ่องกงหรือแม้แต่อุตสาหกรรมของภาพยนตร์ของฮ่องกงเองว่าแม้จะเล็กกระจ้อยริดแบบกระจอกน้อยแต่อิสระเสรีก็ดีกว่าการเป็นนกน้อยในกรงทองมากนักและบางทีไม่ว่าจะเป็นจีนแผ่นดินใหญ่เองหรืออังกษเดิมก็ตาม ฮ่องกงขอเลือกที่จะเป็นอิสระมากกว่าแต่ก็คงเอ่ยได้ไม่เต็มปากนักนอกจากโบยบินหนีไปก็เท่านั้น
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน: New Member Sign in with facebook

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

รูปแบบข้อความล้วน|รายชื่อผู้กระทำผิด|1080iP |

GMT+7, 20-4-2024 16:37 , Processed in 0.106072 second(s), 19 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.7

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้