|
เจ้าของ
oohvoo
เจ้าของ
480P
Credit:
Stang:
ลงทะเบียน: 4-4-2010
ล่าสุด: 1-1-1970
ออนไลน์: ชั่วโมง
11-4-2010 23:19:01
|
ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขล่าสุดโดย oohvoo เมื่อ 11-4-2010 23:22
ดังนั้น เมื่อคุณต้องการที่จะเปิดเอกสารชิ้นใดชิ้นหนึ่งขึ้นมา ระบบปฏิบัติการวินโดว์สจะเริ่มต้นไปค้นหาข้อมูลจาก FAT ก่อนเป็นอันดับแรก และเมื่อพบกับชื่อไฟล์ที่ระบุอยู่ใน FAT แล้ว ก็จะมองหาตำแหน่งแรกบนฮาร์ดดิสก์ที่ถูกใช้สำหรับเก็บไฟล์นั้น แล้วจึงไปถึงไฟล์ข้อมูลจากตำแหน่งนั้นโดยตรงเพื่อนำข้อมูลส่งไปเก็บไว้ในหน่วยความจำหลักก่อนที่จะถูกนำไปประมวลผลและแสดงผลบนจอภาพ หากไฟล์ที่ถูกเปิดขึ้นมามีขนาดใหญ่และกินพื้นที่ในการจัดเก็บมากกว่าหนึ่งเซ็กเตอร์ FAT ก็จะมีการบันทึกข้อมูลเพิ่มเติมไว้ด้วยว่าส่วนอื่นๆ ของไฟล์นั้นถูกบันทึกไว้ในตำแหน่งใด
หากมีปัญหา System Area (และ FAT) เกิดความเสียหายขึ้น หัวอ่านจะไม่สามารถรู้ว่า ไฟล์ข้อมูลที่แท้จริงนั้นถูกเก็บไว้ในพื้นที่ใดของฮาร์ดดิสก์ แต่ข้อมูลที่ถูกเก็บอยู่ทั้งหมดนั้นจะยังคงอยู่ในพื้นที่เดิม เพียงแต่คุณไม่สามารถเข้าถึงได้เพราะ System Area เกิดความเสียหายเท่านั้น
ความเสียหายในลักษณะดังกล่าวนี้ จะถูกเรียกว่าความเสียหายแบบโลจิคอล ซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นจะไม่ร้ายแรงเหมือนความเสียหายทางด้านกายภาพ ดังนั้นคุณจึงสามารถใช้ซอฟต์แวร์พิเศษบางชนิดในการกู้ข้อมูลต่างๆ กลับคืนมาได้ โดยซอฟต์แวร์เหล่านี้จะทำการอ่านข้อมูลในทุกๆ เซ็กเตอร์ แล้วสร้างรายการข้อมูลทั้งหมดขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
ปัญหาเพียงอย่างเดียวก็คือ หากไฟล์ข้อมูลบางไฟล์ถูกแบ่งเก็บอยู่ในหลายเซ็กเตอร์แล้ว ซอฟต์แวร์สำหรับกู้ข้อมูลจะไม่สามารถรวมไฟล์เหล่านั้นมาไว้เป็นไฟล์เดียวกันได้ ดังนั้น ไฟล์ข้อมูลของคุณอาจจะถูกแสดงอยู่ในชื่อ 1.doc, 2.doc, 3.doc (หากข้อมูลที่กู้เป็นไฟล์เอกสารเวิร์ด) ซึ่งคุณจะต้องตรวจสอบส่วนต่างๆ ของไฟล์ที่ถูกกู้คืนมาด้วยตัวเอง แล้วจึงนำส่วนต่างๆ ของไฟล์มารวมกันเป็นไฟล์เดียวอีกครั้ง ซึ่งขั้นตอนต่างๆ เหล่านี้จะใช้เวลาค่อนข้างนาน
ขั้นรุนแรง : ความเสียหายทางกายภาพและโลจิคอล
สำหรับเหตุผลที่สามที่ทำให้ข้อมูลเกิดความเสียหายนั้น อาจมีสาเหตุมาจากความเสียหายร่วมกันทั้งทางกายภาพและโลจิคอลซึ่งจะมีพื้นที่บางส่วนเสียหาย กล่าวคือ เซ็กเตอร์บางส่วนอาจเกิดความเสียหายอันเนื่องมาจากปัญหาเกี่ยวกับไฟฟ้า ซึ่งอาจเกิดขึ้นระหว่างขั้นตอนการอ่าน-เขียนข้อมูล หรือการถอด-ประกอบฮาร์ดดิสก์ โดยข้อมูลที่ถูกเก็บอยู่ในส่วนของเซ็กเตอร์ที่เสียหายนั้นจะสูญหายไปอย่างถาวร ซึ่งซอฟต์แวร์บางชนิดสามารถตรวจสอบพื้นที่เสียหาย และสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้
ข้อสังเกตอย่างหนึ่งที่อาจทำให้คุณรู้ว่า ฮาร์ดดิสก์ของคุณอาจจะมีพื้นที่บางส่วนเสียหายก็คือ เมื่อคุณเปิดเครื่องแล้วระบบปฏิบัติการวินโดว์สจะรันโปรแกรม ScanDisk อยู่เป็นประจำนั่นเอง
คุณสามารถใช้ยูทิลิตี้ CHKDSK เพื่อทำการปิดกั้นพื้นที่เสียหายดังกล่าวไว้ไม่ให้สามารถเข้าถึงได้อีก แต่หากฮาร์ดดิสก์ของคุณมีพื้นที่เสียหายอยู่เป็นจำนวนมาก CHIP แนะนำว่าควรเปลี่ยนฮาร์ดดิสก์ใหม่เลยจะดีกว่า
ปัญหาพื้นที่เสียหายบนฮาร์ดดิสก์นั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่คุณสามารถลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้ โดยการปิดเครื่องคอมพิวเตอร์อย่างถูกวิธี โดยการคลิกปุ่ม Shut Down รวมทั้งควรจะมีอุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้ากระชากและไฟตก (UPS with Stabilizer) ไว้ใช้งานด้วย
คุณรู้หรือไม่?
ส่วนใหญ่แล้ว ผู้ใช้ทั่วไปมักเข้าใจว่าเมื่อไฟล์ข้อมูลใดๆ ถูกลบไปแล้ว ข้อมูลดังกล่าวจะสูญหายไปในทันที แต่ในความเป็นจริงแล้ว ข้อมูลต่างๆ เหล่านั้นจะยังคงถูกเก็บอยู่บนฮาร์ดดิสก์ เพราะการทำงานที่แท้จริงนั้น เมื่อคุณทำการลบไฟล์ใดๆ ออกไปจากเครื่องคอมพิวเตอร์จะเป็นเพียงแค่การลบข้อมูลที่ Disk Index เก็บไว้เท่านั้น หมายความว่า พื้นที่ที่ใช้สำหรับเก็บไฟล์ดังกล่าวนั้น พร้อมที่จะให้นำข้อมูลอื่นๆ มาเก็บทับบริเวณดังกล่าวได้ ซึ่งกระบวนการดังกล่าวจะถูกเรียกว่า “Overwriting” ดังนั้นคุณจึงสามารถใช้ซอฟต์แวร์พิเศษบางตัวในการกู้ข้อมูลเหล่านั้นคืนมาได้ และเช่นเดียวกัน คุณก็สามารถจะกู้ข้อมูลไฟล์ต่างๆ จากฮาร์ดดิสก์ที่ถูกฟอร์แมตคืนมาได้เช่นกัน |
|