|
เจ้าของ
eastboy
เจ้าของ
480P
Credit:
Stang:
ลงทะเบียน: 2-3-2010
ล่าสุด: 1-1-1970
ออนไลน์: ชั่วโมง
24-3-2011 19:50:52
|
ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย eastboy เมื่อ 24-3-2011 20:12
The.Canterbury.Tales.1972.BluRay.720p.x264-CiNEFiLE
Pier Paolo Pasolini - I racconti di Canterbury aka The Canterbury Tales (1972)
I.Racconti.di.Canterbury.1972.720p.BluRay.x264-CiNEFiLE.mkv
http://www.imdb.com/title/tt0067647
Director - Pier Paolo Pasolini
The Canterbury Tales ของ Geoffrey Chaucer (1343-1400) ซึ่งเป็นงานที่มีอิทธิพลสูงสุดต่อพัฒนาการทางวรรณกรรมของอังกฤษ เป็นเรื่องของคณะแสวงบุญที่จะเดินทางไปยังโบสถ์ Canterbury ที่ประกอบไปด้วยคนทุกชนชั้นตั้งแต่อัศวินไปจนถึงชาวนา รวมทั้งตัวกวี Chaucer เองด้วย คนกลุ่มนี้จึงเป็นเสมือนภาพจำลองของสังคมอังกฤษในคริสตวรรษที่ 14 ทั้งหมดไปรวมตัวกันที่ที่พักแห่งนึง เพื่อฆ่าเวลาเจ้าของบ้านจึงจัดให้มีการแข่งขันการเล่าเรื่องขึ้น ในหนังสือประกอบด้วยทั้งหมด 22 เรื่อง แต่พาโซลินี่เลือกมาเพียงเจ็ดเรื่องคือ The Merchant, The Friar, The Cook, The Miller, The Wife of Bath, The Reeve’s Tales และ The Summoner และเหมือนกับใน The Decameron พาโซลินี่เล่นเป็น Chaucer เอง
เขากล่าวว่าโลกของ Chaucer และ Boccaccio นั้น เป็นโลกที่ยังไม่เคยพบกับการปฏิวัติอุตสาหกรรมหรือสังคมบริโภคนิยมใดๆ “ถ้าคุณอ่านหนังสือพิมพ์ คุณก็จะเจอกับเรื่องเล่าชุดหนึ่งเหมือนกับของ Chaucer หรือ Boccaccio ผมเชื่อมต่อเรื่องเหล่านี้ด้วยความเสียใจต่อการสูญหายไปของโลกในอดีต ผมเป็นคนไม่มีเสน่ห์และมักรู้สึกแปลกแยกจากสังคม ผมต่อสู้กับมัน และมันก็หันกลับมาทำลายผม แต่มันก็ยังมอบความสำเร็จเหล่านี้ให้ผมด้วยเช่นกัน แต่ตอนนี้ผมไม่ชอบมันอีกแล้ว ผมไม่ชอบวิถีชีวิตของมัน คุณภาพชีวิตของมัน และนั่นทำให้ผมรู้สึกโหยหาอดีต” นักวิจารณ์มักเรียกงานชุดนี้ของพาโซลินี่ว่าเป็นแนวหนีโลก (escapist) ถึงแม้เขาจะปฏิเสธก็ตาม
เขาเรียกมันว่าเป็นการ “เย้ายั่วต่อแนวรบทุกๆด้าน ต่อพวกกระฎุมพีและพวกฝ่ายขวา รวมทั้งเหล่านักวิจารณ์ที่มักเอาเรื่องเพศออกจากหนังของผม โยนทุกอย่างออกไป แล้วก็พบว่ามันว่างเปล่า ไม่เข้าใจว่ามันเต็มไปด้วยอุดมคติมากมาย กระทั่งไอ้นั่นขนาดใหญ่บนจอหนัง บนหัวของพวกเขาที่พวกเขาไม่เคยอยากจะเข้าใจ” …The Canterbery Tales คว้ารางวัลที่หนึ่งจากเทศกาลหนังเบอร์ลินปี 1972
จากความสำเร็จทางรายได้ของทั้งสองเรื่องทำให้นายทุนกล้าออกเงินให้พาโซลินี่ถ่าย The Thousand and One Night ไปทั่วโลก ตั้งแต่อินเดีย อิหร่าน เอธิโอเปีย จนถึงเนปาล
หนังเรื่องที่ 2 ในชุดไตรภาคชีวิตที่ทางผู้กำกับ Pier Paolo Pasolini ดัดแปลงจากหนังสือรวมเรื่องสั้นหลายร้อยเรื่องงานเขียนของ Geoffrey Chaucer (หนังสือที่ได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งในวรรณกรรมแสคลาสสิกของอังกฤษ) นี่คือ 8 เรื่องราวสั้นๆจากหนังสือเล่าเรื่องอย่างตรงไปตรงมา ดิบเถื่อน รุนแรง สะท้อนประเด็นว่าด้วย "ความรัก" (Love) แต่ก็ยังมีเสียงสาปแช่งจากผู้ชมและแฟนหนังสือที่รับไม่ได้ ตามความคิดคำนึงของ Pasolini ถูกนำเสนอในโทนมืดหม่น มันคือเมืองที่มีแต่ผู้คนชั่วร้าย, ไร้ซึ่งศีลธรรม เมืองที่ให้ความสำคัญกับเรื่องทางเพศเหนือความรัก หนังจึงเต็มไปด้วยฉากชวนช็อคมากมายไม่ว่าจะเป็น:ภรรยาสาวที่เล่นรักกับชู้หน้าผัวตาบอด, : หญิงสาวผายลมใส่หน้าเด็กหนุ่มที่รักเธอ, : ขี้เมาคนหนึ่งฉี่ใส่หน้าคนที่กำลังทานอาหารอยู่ เชื่อกันว่าหนังทั้ง 3 เรื่องในไตรภาคนี้ ผู้กำกับ Pasolini ชื่นชอบและยกย่องว่าเป็นหนังในดวงใจที่สร้างขึ้นมาตามที่ต้องการ (อ้างอิงจากบทสัมภาษณ์ระหว่างเขากับ Massimo Fini) โดยเฉพาะเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นความรู้สึกของผู้กำกับที่เกลียดชังโลกปัจจุบัน เขาจึงหวนคืนสู่โลกยุคอดีต ที่ทุกอย่างยังดูบริสุทธิ์ ตรงไปตรงมา หนังจึงเต็มไปด้วยการเปรียบเทียบระหว่างโลกอดีตกับปัจจุบันตลอดทั้งเรื่อง จากเรื่องแรกที่เต็มไปด้วยภาพเปลือยของผู้คนมากมาย (สะท้อนโลกยุคเก่าที่ผู้คนยังบริสุทธิ์มีแต่ตัว) กับ 2 เรื่องสุดท้ายของหนังที่สะท้อนให้เห็นถึงการติดตามไล่ล่าเงินจนนำพาสู่ความหายนะและความตาย (สะท้อนโลกยุคใหม่ที่เงินตราคือพระเจ้า) หนังทำให้เราเชื่อได้ว่าทุกเหตุการณ์ในหนังคือเรื่องจริงด้วยใช้นักแสดงมือสมัครเล่นเกือบทั้งหมด
|
|