oohvoo โพสต์ 6-4-2010 20:06:21

เทคนิคที่ควรรู้ก่อนเลือกซื้อ LCD TV

แก้ไขล่าสุดโดย oohvoo เมื่อ 6-4-2010 20:17

http://www.cvpic.com/uploads/c54ce701c0f04146507c0764ae3634aa.jpg

โดย Mr.D2H      
         คงมีคนหลายคนที่ตั้งคำถามอยู่ตลอดเวลาเลยครับ ว่าจะซื้อ LCD TV สักเครื่องต้องดูสเป๊กยังไง ถึงจะบอกได้ว่าคุ้มกับเงินหลายหมื่นที่เสียไปครับ ดังนั้นถ้าเรารู้ว่าเจ้าคำศัพท์ที่เยอะแยะตามสเป๊กที่เราเห็นถ้าแปลความหมายออกมาได้คงทำให้เลือกได้ถูกความต้องการและความคุ้มค่าครับ
      สิ่งแรกที่เราเห็นได้ชัดเจนก่อนเลยเป็นอันดับแรกคือขนาดจอ LCD มีขนาดให้เลือกค่อนข้างหลากหลายทีเดียว ที่มีขายในบ้านเรานั้นมีให้เลือกตั้งแต่ขนาด 22 นิ้วไปจนถึงขนาด 80 นิ้ว ขึ้นอยู่กับความต้องการใช้งาน และงบประมาณของคุณ แน่ของผู้ใช้งานครับครับ ขนาดที่ใหญ่ขึ้นราคาก็ยิ่งสูงครับ และดูเหมือนกับได้นั่งชมจอในโรงภาพยนตร์เลยครับ จอใหญ่ๆ จะเหมาะสมกับห้องกว้างๆ เช่นห้องนั่งเล่น หรือจะโชว์ไว้ที่ห้องรับแขกก็บอกความอลังการได้ครับ ส่วนจอที่มีขนาดเล็กลงมา จะเหมาะกับห้องที่มีขนาดเล็กลง เช่นห้องนอนเป็นต้น อย่าลืมนะครับว่า จอยิ่งจอใหญ่ ราคาก็ขยับสูงขึ้นไปเท่านั้นครับ
      โดยคนส่วนใหญ่มักจะเลือกซื้อจอที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่งบจะสามารถซื้อได้ แต่จริงๆแล้ว การเลือกขนาดของจอที่เหมาะสม ควรพิจารณาจากห้องที่เราจะนำไปวางเป็นหลักครับ โดยขนาดของจอควรมีความสัมพันธ์กับระยะห่างที่คุณตั้งใจเอาไว้ว่าคุณจะนั่งดู LCD TV อาทิเช่น เมื่อคุณเลือกซื้อจอขนาด32นิ้ว เพื่อมานั่งชมในระยะห่างไม่ถึง 1 เมตร คุณคงรู้สึกไม่สบายตาแน่ๆอาจทำให้ปวดตาปวดหัวด้วย แต่ถ้าคุณนั่งห่างออกมาซัก 1 – 2 เมตร ก็จะเป็นระยะที่ดูแล้วสบายมากกว่าครับ

ขนาดหหน้าจอระยะที่ควรชมโดยประมาณ

22 นิ้ว ประมาณ1เมตร – 1.5เมตร , 24 นิ้ว ประมาณ1 เมตร – 2 เมตร

26 นิ้ว ประมาณ 1 เมตร – 2.5 เมตร , 32 นิ้ว ประมาณ 2 เมตร – 3 เมตร

37 นิ้ว ประมาณ 2.5 เมตร – 4 เมตร , 40 นิ้ว ประมาณ 3 เมตร – 4 เมตร

46 นิ้ว ประมาณ 3.2 เมตร – 5 เมตร

ก็ได้รู้กันแล้วนะครับว่าถ้าเราดูแล้วว่าขนาดห้องเรามีขนาดเท่าใดควรเลือกขนาดจอ LCD TV ขนาดเท่าไรเป็นตัวเลือกเพิ่มขึ้นนะครับ

          รูปร่าง และน้ำหนัก : จอภาพแบบ LCD TV นั้นจะมีความบาง และแบนกว่าจอภาพแบบ CRT ที่เป็นแบบจอ TVเป็นอย่างมาก นั้นเป็นเพราะเทคโนโลยีในการแสดงภาพที่แตกต่าง กัน ซึ่งเป็นข้อดีที่ LCD นั้นได้เปรียบจอภาพแบบ CRT อยู่มาก อีกทั้งด้วยความบาง และแบนของจอ LCD จึงทำให้น้ำหนักนั้นเบากว่าจอ CRT เป็นอย่างมาก การเคลื่อนย้าย จึงสามารถทำได้ง่ายกว่า ดังนั้นรูปแบบและดีไซน์ขอแต่ละยี่ห้ออาจไม่แตกต่างกันมากครับ แต่ที่ต่างอาจจะเป็นเรื่องของสีแลการวางปุ่มกดของแต่ละเเบบครับ
          ต่อมาที่ควรทราบเพิ่มคือความละเอียดของ Panel (Panel resolution) จอ LCD TV ที่มีขายในบ้านเราโดยส่วนใหญ่จะมีอยู่ 2 ประเภท นั่นคือจอ HD Ready และจอ Full HD ซึ่งตัวเลขความละเอียดของหน้าจอนั้น เป็นตัวบอกจำนวนของจุดสี หรือเม็ดพิกเซลที่ประกอบขึ้นมาเป็นจอนั้น จอ HD Ready มีความละเอียดอยู่ที่ 1366 x 768 พิกเซล ซึ่งหมายถึงว่ามีจำนวนพิกเซลในแนวนอน 1366 จุด และแนวตั้ง 768 จุด ซึ่งคำนวณออกมาแล้วจะได้จำนวนพิกเซลทั้งหมด 1 ล้านจุด และ จอ Full HD มีความละเอียดอยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเมื่อคำนวณออกมาแล้วจะได้จำนวนพิกเซลทั้งหมด ประมาณ 2 ล้านพิกเซล ความละเอียดของ Panel ยิ่งสูงเท่าไหร่ ยิ่งสามารถแสดงรายละเอียดของภาพได้ดีขึ้น และคมชัดครับ ลองนึกเปรียบเทียบจอ 32 นิ้ว แบบ HD Ready กับแบบ Full HD ดูนะครับ จอทั้ง 2ตัวนี้มีขนาด 32 นิ้วเท่ากันก็จริง แต่จอแบบ Full HD จะสามารถแสดงรายละเอียดยิบย่อยได้ดีกว่า เนื่องจากในพื้นที่ 32 นิ้วเท่ากันนั้น มันมีจำนวนเม็ดพิกเซลที่บรรจุอยู่ในนั้นมากกว่าประมาณ 2 เท่า ซึ่งทำให้ภาพดู เนียนคมชัดสีสดกว่าครับ      

(เนื่องจากบทความยาวเกินกำหนด ขออนุญาติต่อที่ด้านล่างนะครับ)
Credits by :
http://www.digital2home.com/tips/2009/buying-lcdtv-guide/

oohvoo โพสต์ 6-4-2010 20:09:02

แก้ไขล่าสุดโดย oohvoo เมื่อ 6-4-2010 20:11

จอแบบ HD Ready ถูกออกแบบมาให้แสดงผลที่ความละเอียด 720p (720 เส้น) แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณป้อนสัญญาณที่มีความละเอียดสูงกว่านั้นเข้าไป (เช่น 1080i หรือ 1080p) จอ HD Ready ก็จะเอาสัญญาณภาพไปผ่านวงจรลดขนาดภาพให้เหลือเท่ากับ 720p เพื่อให้สามารถแสดงผลบน Panel ที่มีความละเอียดต่ำกว่าสัญญาณที่ป้อนเข้าไปได้       ส่วนจอแบบ Full HD เมื่อคุณป้อนสัญญาณแบบ 1080i หรือ 1080p (1080 เส้น) เข้าไป จอก็จะเอาไปแสดงผลได้ทันทีโดยไม่ต้องผ่านวงจรขยายภาพก่อน แต่ถ้าคุณป้อนสัญญาณแบบ 480p หรือ 720p เข้าไป จอก็จะเอาสัญญาณนั้นไปขยายให้มีขนาดเท่ากับ 1080p เพื่อให้สามารถแสดงบน Panel ได้ อย่างไรก็ตาม ความละเอียดก็ไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของการเลือกซื้อ LCD TV เพราะมันขึ้นอยู่กับ content ที่คุณจะเอามาแสดงบนจอด้วย คุณสามารถศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของ Panel resolution กับระยะการชม รวมถึงความแตกต่างของ 720p, 1080i และ 1080p
         ดังนั้น การเลือกจึงมีผลต่อการใช้ควบคู่กับเครื่องเล่นหรือกล้องถ่ายภาพกล้องถ่ายวีดีโอ ที่มีระบบ Full HD หรือ HD ที่จะรองรับควบคู่กับจอ LCD TV ด้วยครับ ถึงจะเต็มประสิทธิ์ภาพที่เต็มระบบคมชัดสมจริงครับ
         อีกข้อหนึ่งที่ควรพิจารณาคือ ค่า response time ความเร็วในการตอบสนองนั้น เราสามารถ ที่จะวัดได้จาดค่า Response time ซึ่งเป็นค่าที่ จะทำการวัดช่วงระยะเวลาที่ภาพสามารถตอบสนอง และ แสดงเป็นภาพได้ โดยจะมีหน่วยเป็น “มิลลิ–วินาที” ซึ่งค่านี้ยิ่งน้อยเท่าไร ก็แสดงว่าจอภาพนั้นสามารถที่จะแสดงภาพได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยค่านี้จะไม่มีผลกับ ผู้ที่ทำงานทางด้านภาพนิ่ง แต่จะเห็นผลกับผู้ที่ใช้งานจอภาพในด้านการแสดงภาพเคลื่อนไหว การทำงานทางด้านกราฟิกต่างๆ รวมทั้งการเล่นเกม หรือภาพการแข่งกีฬา ซึ่งถ้าเทียบเป็นความหมายคือช่วยให้ภาพที่มีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วดูแล้วสมดุลย์ยิ่งขึ้นครับ
            Contrast ratio คืออัตราส่วนระหว่างจุดที่มืดที่สุดกับจุดที่สว่างที่สุดที่จอสามารถแสดงได้ ในเวลาเดียวกัน ซึ่งในทางปฏิบัติแล้ว Contrast ratio ที่ดี จะช่วยให้จอสามารถแสดงรายละเอียดในส่วนมืด และส่วนสว่างของภาพชัดเจนได้ดียิ่งขึ้น และ contrast ratio สูงๆ จะช่วยให้จอสามารถแสดงรายละเอียดของภาพในฉากที่มืดๆ ได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วยทำให้ไม่เกณฑ์ภาพที่แตกครับ จอ LCD ที่มีขายในปัจจุบัน มีค่า Contrast ratio ตั้งแต่ 2,000:1 ขึ้นไปจนถึง หลายล้านต่อหนึ่งก็มี (ราคาก็จะสูงขึ้น) จอที่ผมจะแนะนำควรจะมี dynamic contrast ratio ประมาณ 30,000:1 ขึ้นไป ครับ
             Video Processor ก็เป็นอีกตัวหนึ่งที่ช่วยในเรื่องระบบคุณภาพภาพครับ ถ้าเปรียบแล้วก็คล้ายกับมันสมองของคอมพิวเตอร์ หรือกล้องดิจิตอลเลยครับ เพราะเเต่ละค่ายผู้ผลิตก็ต่างพัฒนากันขึ้นมาเพื่อให้มีคุณภาพในการทำงานได้ดีและสมบูรณ์มากที่สุดครับ ดังนั้นอาจจะเป็นตัวเลือกในการตัดสินใจที่จะเลือกรุ่นที่ตัวประมวลผลดีๆสักเครื่องครับ แต่ข้อสำคัญคือถ้ามีในสเป๊กก็จะทำให้ราคาสูงขึ้นครับ
             ความสว่าง (brightness) จอภาพที่ดีนั้น ควรที่จะมีความสว่างที่เพียงพอกับการใช้งานในระดับปกติ แต่ถ้าจอภาพ นั้นมีแสงสว่างมากจนเกินไปก็จะทำให้แสงสีขาวมีมากเกิน ให้ภาพนั้นดูสีซีดไม่สด และไม่เป็นผลดีกับสายตาอย่างแน่นอน ซึ่งค่านี้สามารถที่จะดูได้ที่ค่า Contrast Ratio ซึ่งเป็นค่าของอัตราส่วนระหว่าง “ความสว่างของแสง สีขาว” กับ “ความคมชัดของแสงสีดำ” โดยในบ้างครั้ง ค่าเหล่านี้มักจะไม่มีผลกับการเลือกซื้อจอภาพแบบ LCD มากนัก เพราะ เนื่องจากว่าผู้ซื้อส่วนใหญ่แล้ว มักจะตัดสินใจเลือกซื้อจอภาพที่ให้แสงสว่างได้เหมาะสมกับผู้ใช้เป็นส่วนใหญ่ เพราะว่าความเหมาะสมกับแสงสว่างที่ใช้งาน ในสายตาของคนแต่ล่ะคนย่อมที่จะแตกต่างกันออกไป การทดสอบด้วยตาตนเองจะเป็นการดีที่สุด
            ระบบเสียง ถือเป็นสิ่งสำคัญอีกอย่างใน LCD TV ทั่วไปจะติดลำโพงมาด้วยอยู่แล้ว การเลือกลำโพงหรือระบบเสียงให้ถูกใจนั้นขึ้นอยู่กับรสนิยม และความต้องการของผู้ฟังเป็นหลักจอ LCD บางรุ่น โดยเฉพาะรุ่นที่ออกแบบมาสำหรับใช้เป็น Monitor จะไม่มีลำโพงติดมา เพราะฉะนั้นคุณจะต้องหาซื้อลำโพงมาใช้ต่างหาก(เหมือนจอคอมพิวเตอร์เลยครับ)

oohvoo โพสต์ 6-4-2010 20:09:58

แก้ไขล่าสุดโดย oohvoo เมื่อ 6-4-2010 22:15

ระบบเสียง ถือเป็นสิ่งสำคัญอีกอย่างใน LCD TV ทั่วไปจะติดลำโพงมาด้วยอยู่แล้ว การเลือกลำโพงหรือระบบเสียงให้ถูกใจนั้นขึ้นอยู่กับรสนิยม และความต้องการของผู้ฟังเป็นหลักจอ LCD บางรุ่น โดยเฉพาะรุ่นที่ออกแบบมาสำหรับใช้เป็น Monitor จะไม่มีลำโพงติดมา เพราะฉะนั้นคุณจะต้องหาซื้อลำโพงมาใช้ต่างหาก(เหมือนจอคอมพิวเตอร์เลยครับ) ดังนั้นควรดูสเป็กให้ละเอียดก่อนเลือกซื้อเพราะโดยส่วนใหญ่ในสเป๊กจะมีบอกว่ามีลำโพงกี่วัตกี่คู่ และระบบเสียงแบบใดที่นำมาติดใน LCD TV ครับ นั้นก็ขึ้นอยู่กับค่ายผู้ผลิตว่าจะนำมาใช้ในแบบไหน แต่ถ้าให้ดีระบบเสียงอาจจะเปิดดังมากๆจะสูงระบบเสียงที่ออกผ่านเครื่องเล่นสเตริโอไม่ได้ครับ เพราะวัตของลำโพงน้อยกว่าครับ
            มุมมองการรับชม หมายถึงมุมมองในการรับชมจากด้านข้าง, ด้านบน หรือด้านล่างที่สามารถรับชมได้โดยคุณภาพของภาพไม่ลดลง เปรียบเทียบกับทีวีจอแก้วหรือทีวีบ้านทั่วไป การรับชมส่วนใหญ่เราจะไม่ได้นั่งชมตรงกลางเสมอครับ หรือแาจจะมีคนอื่นที่นั่งอยู่ใกล้ๆแต่จะต้องมองทีวีในมุมด้านข้าง หรือแม้แต่เวลาคุณวางหน้าจอไว้ที่โต๊ะ และนั่งกับพื้นเพื่อเล่นวินนิ่งหรือเกมส์อื่นๆ คุณก็ต้องมองภาพบนจอจากมุมด้านล่างเช่นเดียวกัน ธรรมชาติของจอ LCD นั้นมีข้อจำกัดในเรื่องของมุมมอง ทำให้มันไม่สามารถมองได้ทุกมุมอย่างจอได้ ดังนั้นจอจึงได้เอาตัวเลของศาการมอง (viewable angle เป็นค่าของมุมในการแสดงภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีอยู่ในเฉพาะจอภาพแบบ LCD เท่านั้น เพราะจอภาพแบบ LCD ดันมักจะมีการสะท้อนของแสงสีขาวที่ ออกมาจากจอภาพ ทำให้ภาพที่ได้นั้นพร่ามัว และ สีของภาพจะไม่ชัดเจนไม่เหมือนจริง ซึ่งในจอภาพ ในแต่ละรุ่นจะมีค่า นี้เป็น “องศา” นั้นคือ มุมที่สามารถมองเฉียงออกจากกลางจอภาพได้เป็นระยะ กี่องศา ทั้ง 4 ด้าน โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ทิศทาง เป็นแนวตั้ง คือ มองจากด้านบน และด้านล่าง แนวนอน คือ ด้านซ้าย และด้านขวา โดยที่ค่านี้ยิ่งมากเท่าไร มุมมองที่สามารถจะแสดงแล้วภาพไม่พร่ามัว ก็จะยิ่งมากตามขึ้นไปด้วย) นำมาเป็นจุดขายของ LCD TV ด้วย โดยตัวเลขที่ผู้ผลิตโฆษณานั้นจะแสดงเป็นตัวเลข เช่น 160 หรือ 178 หมายถึง คุณสามารถมองภาพบนจอนั้นด้วยมุมมองด้านข้าง/ด้านบนหรือล่าง ได้กว้างสูงสุดที่ 178 องศา โดยที่ภาพไม่มีอาการสีเพี้ยนให้เห็น ตัวเลข ยิ่งใกล้ 180 องศาเท่าไหร่ ยิ่งหมายความว่าจอ LCD TV นั้นมีมุมมองที่กว้างมากขึ้นครับ

oohvoo โพสต์ 6-4-2010 20:12:00

แก้ไขล่าสุดโดย oohvoo เมื่อ 6-4-2010 20:13

อีกประเด็นที่ควรพิจารณาในการเลือกซื้อ LCD TV คือ จำนวนช่องสัญญาณประเภทต่างๆ ที่มีมาให้ ตรงนี้ควรเลือกให้สอดคล้องกับความต้องการของคุณ หากคุณมีแผนที่จะเอา LCD TV ตัวนี้ไปต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ เช่น เครื่องเล่น DVD, เครื่องเล่นวีดีโอเกม หรือแม้แต่เครื่องคอมพิวเตอร์, กล้องดิจิตอล และอุปกรณ์พกพาต่างๆ คงต้องแย่ ถ้าทีวีของคุณมีพอร์ท HDMI เพียงพอร์ทเดียว แต่คุณมีอุปกรณ์ที่ใช้ HDMI อยู่ 3 ชิ้น และคุณจะต้องถอดอุปกรณ์สลับไปมาเวลาที่คุณต้องการใช้งาน
พอร์ทต่างๆ ที่เราแนะนำว่า LCD TV ควรจะมีคือ: พอร์ท HDMI (High Definition Multimedia Interface) สำหรับต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ที่ส่งสัญญาณแบบดิจิตอล เช่นเครื่องเล่น Blu-ray disc, เครื่องเล่น DVD และคอมพิวเตอร์ เป็นต้น เราแนะนำว่าจอ LCD ของคุณควรมีพอร์ท HDMI อย่างน้อย 2 พอร์ท
พอร์ท Component เป็นพอร์ทรับสัญญาณอนาล็อกคุณภาพสูง ซึ่งควรจะมีอย่างน้อย 2 พอร์ท
พอร์ท Composite และ S-Video สำหรับต่ออุปกรณ์ที่มีช่อง AV-Out หรือ S-Video out ทั่วไป ซึ่งพอร์ทนี้ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นมาตรฐานที่ให้มากับ LCD TV แทบจะทุกรุ่น
พอร์ท VGA หรือ D-Sub สำหรับเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์แบบอนาล็อก หรือเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ ที่มีช่อง VGA out ตรงนี้สามารถเลือกให้ตรงกับความต้องการของคุณ หากคุณไม่ต้องการใช้มัน ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องซื้อ LCD TV ที่มีพอร์ทนี้ พอร์ท LAN สำหรับเชื่อมต่อ internet หรือเล่นไฟล์มัลติมีเดียจาก UPNP (DLNA) server พอร์ทนี้จะพบได้ใน LCD TV แบบไฮเอนด์ หากคุณไม่มีความจำเป็นต้องใช้มัน ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อ LCD TV ที่มีพอร์ทนี้ หรือ พอร์ทที่เป็นUSB ครับที่ช่วยให้สามารถใช้เป็นตัวต่อข้อมูลได้โดนตรงกับตัวจอ LCD TV เลยก็มีครับ
               ซึ่งในตลาดของผู้ผลิตโดยรวมจะมีไม่ครบทุกช่องที่กล่าวมาครับ โดยหลักๆที่ได้ดูทุกค่ายผู้ผลิตส่วนใหญ่จะมีเป็นพอร์ท HDMI , พอร์ท Component , พอร์ท Composite 3พอร์ทนี้ที่จะมีเกือบทุกรุ่นเลยครับ คงจะช่วยได้เพิ่มขึ้นแล้วนะครับสำหรับข้อมูลที่ผมได้หามาเพื่อช่วยในการเลือกหา LCD TV สักเครื่อง ที่ี่ทำให้คุณเลือกหาทั้งงบและความคุ้มค่าได้อย่างถูกใจครับ

Credits by :
http://www.digital2home.com/tips/2009/buying-lcdtv-guide/

Swe3tDream โพสต์ 26-4-2010 17:55:00

ตอบกลับ 1# oohvoo


ขอบคุณมากครับๆๆๆๆๆ

frogman โพสต์ 5-7-2010 16:18:02

ขอบคุณมากครับ
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: เทคนิคที่ควรรู้ก่อนเลือกซื้อ LCD TV